นครปฐม
เมืองที่ในอดีตนับพันปี
มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นแหล่งที่มีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก
ดินแดนแห่งนี้มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ
"พระยากง
พระยาพาลและยายหอม"
ที่เป็นโศกนาฏกรรมนำมาซึ่งความตายและเคราะห์กรรมอันใหญ่หลวง
ตำนานพระยากง พระยาพาล
มีหลายตำนานที่เล่าขานกันมา โดยกล่าวถึงการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์แต่แรกเริ่มคือ
เจ้าผู้ครองเมืองศรีวิชัย หรือเมืองนครชัยศรีชื่อ
ท้าวภาลีธิราช มีบุตรชายชื่อว่า
"พระยากง" มเหสีของพระยากงมีพระโอรสองค์หนึ่ง
แต่โหรทำนายว่ากุมารองค์นี้มีบุญญาธิการมากก็จริง แต่นานไปจะทำปิตุฆาตพระบิดา
เมื่อพระยากงทราบความก็เกิดความกลัว จึงมีรับสั่งให้นำกุมารไปฆ่าทิ้ง
แต่พระมเหสีทำไม่ลงจึงนำกุมารไปฝาก
"ยายหอม" หญิงชราที่มีอาชีพเลี้ยงเป็ด
ซึ่งก็ได้เลี้ยงกุมารจนโตเป็นหนุ่ม
วันหนึ่งพระกุมารได้มาลายายหอมเพื่อเดินทางไปเมือง
สุโขทัย
ขณะเดินทาง ได้พบช้างพระเจ้าแผ่นดินสุโขทัยกำลังตกมัน อาละวาดไล่ทำร้ายคน
ไม่มีใครสามารถกำราบช้างนั้นได้ แต่พระกุมารสามารถจับช้างได้อย่างกล้าหาญ
ซึ่งเมื่อพระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงทราบ ก็ได้เมตตาชุบเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม
และต่อมาได้ส่งไปปกครองบ้านเมือง พระกุมารได้ไปตั้งบ้านเจ็ดเสมียน และได้คิดการใหญ่
โดยซ่องสุมกำลังคนประมาณ 40,000 คน
มาที่บ้านยายหอมจากนั้นได้ส่งหนังสือไปถึงพระยากง ท้าให้ออกมากระทำยุทธหัตถีกัน
และพระกุมารได้สังหารพระยากงในที่สุด
แต่ในบางตำนานได้กล่าวว่า พระกุมารไปเป็นบุตรบุญธรรมของพระยาราชบุรี
ซึ่งทุกปีจะต้องนำดอกไม้เงินดอกไม้ทองมาถวายแด่พระยากง ซึ่งครองเมืองกาญจนบุรี
แต่พระกุมารเห็นว่า เมืองราชบุรีควรเป็นอิสระจึงหยุดส่งเครื่องบรรณาการ
พระยากงเห็นว่า พระยาราชบุรีเป็นกบฏจึงยกทัพลงมาตีเมืองราชบุรี
พระยาราชบุรีจึงแต่งตั้งให้พระกุมารเป็นแม่ทัพออกรบกระทำยุทธหัตถีกัน
พระยากงถูกพระกุมารฟันด้วยของ้าวจนเสียชีวิต
จากนั้นพระกุมารก็ได้ยกพลบุกเข้าเมืองกาญจนบุรี
และคิดจับมเหสีของพระยากงมาเป็นของตน โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางคือ พระมารดา
ขณะที่กำลังจะบุกขึ้นไปยังปราสาทของพระมารดา
เทพยดาก็ได้เนรมิตเป็นแพะแม่ลูกอ่อนมานอนขวางทางขึ้นบันได
เมื่อพระกุมารกำลังเดินขึ้นบันได กำลังจะข้ามแพะมีลูก 2 ตัวนั้น
แพะก็ได้พูดกับลูกของมันเป็นความนัยว่า
"เราเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ท่านจึงข้ามเราไป นับประสาอะไรกับเรา
แม้มารดาของท่านท่านยังจะเอาเป็นเมีย"
เมื่อพระกุมารได้ฟังก็รู้สึกเอะใจทันที
พอได้พบพระมารดาจึงอธิษฐานว่า
"หากหญิงคนนี้เป็นมารดาของตนขอให้น้ำนมไหลออกจากถันทั้งคู่"
เมื่อสิ้นคำอธิษฐานปรากฏว่ามีน้ำนมไหลออกมาจริง พระกุมารจึงถามความจริงของพระมารดา
พอรู้ว่าผู้ที่ตนสังหารเป็นพระบิดาก็เสียใจมาก และได้โยนความผิดทั้งหมดให้ยายหอม
พร้อมทั้งจับยายหอมฆ่า โดยนำศพไปให้แร้งกาจิกกิน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนพากันเรียกพระกุมารว่า
"พระยาพาล"
เพราะเมื่อฆ่าบิดาแล้วยังพาลหาเรื่องฆ่ายายหอมอีกซึ่งเป็นบาปมหันต์
ต่อมาได้มีการประชุมเพื่อลงมติว่าจะต้องทำกุศลสิ่งใด เพื่อให้บาปนั้นเบาบางลง
แล้วก็มีมติออกมาว่าจะต้องสร้างพระเจดีย์ใหญ่สูงชั่วนกเขาเหิน
กรรมจึงเบาบางลง
จากตำนานนี้ทำให้ได้ทราบที่มาของการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์
และในส่วนของตำนานการสร้างศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนา
ก็ยังมีหลักฐานปรากฏอยู่ที่วัดดอนยายหอม จ.นครปฐมโดยอดีตเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม
นามว่า
"หลวงพ่อเงิน"
ท่านเคยขุดพบอิฐที่หักพังอย่างมากมายในชั้นดิน และพบศิลาเหลี่ยมสีเขียว 2 ต้น
มีลายจำหลักที่ปลายเสากับกวางหมอบทำด้วยศิลา 1 ตัว
คล้ายกับเสาประตูสาญจีเจดีย์ของพระเจ้าอโศกมหาราช
"วัดดอนยายหอม" นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
มีหลักฐานว่าเดิมเคยเป็นวัดเก่า ตั้งแต่สมัยทวารวดีมีอายุกว่าพันปี
วัดดอนยายหอมมีความเกี่ยวพันกับ "ยายหอม" อย่างไร ไม่มีหลักฐานแน่ชัด
เพียงแต่ที่วัดนี้มีศาลยายหอม และมีเสียงร่ำลือกันมานานว่า เคยมีชาวบ้าน
และคนในวัดได้สัมผัสกับวิญญาณยายหอมมาแล้ว
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่วัดดอนยายหอม
เคยเห็นหญิงชราแปลกหน้าเดินขึ้นไปบนศาลยายหอมอยู่บ่อยๆ พอตามไปดูก็ไม่พบใคร
ทำให้เขาแน่ใจว่า ที่เห็นนั้นต้องเป็นวิญญาณของยายหอมอย่างแน่นอน
ซึ่งเป็นเรื่องราวประหลาดที่ทำให้ชาวนครปฐมเชื่อว่า วิญญาณยายหอมยังไม่ไปไหน
และที่นครปฐมก็ยังมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับวิญญาณยายหลานคู่หนึ่ง
ที่ประสบเคราะห์กรรมก่อนตายอย่างน่าสงสาร
เรื่องนี้เกิดขึ้นภายในพระราชวังสนามจันทร์
พระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450
ส่วนเรื่องการปรากฏของวิญญาณนั้นเกิดขึ้นในราว 40 กว่าปีก่อน บน
"สะพานจักรียาตรา" ซึ่งเป็นสะพานเก่าแก่สร้างในปี
พ.ศ. 2501 ที่นี่มีเรื่องเล่าถึงวิญญาณยายกับหลานซึ่งน่าสงสาร 2 ดวง
ในสมัยยังมีชีวิตอยู่นั้นยากจนมาก อยู่อย่างลำบาก
อดมื้อกินมื้อใช้ชีวิตเพียงลำพัง 2 คน ภายหลังเมื่อทนภาวะรันทดไม่ไหว
ยายจึงตัดสินใจฆ่าหลานโดยจับบีบคอจนตาย จากนั้นยายก็ฆ่าตัวตายตาม
โดยแขวนคอตายบนราวสะพานจักรียาตรา ซึ่งเป็นภาพที่น่าอดสู ชวนสยดสยอง
หลังจากนั้นไม่นานในเวลากลางคืนก็มักจะมีคนพบเห็นเรื่องราวประหลาด
เช่นบางคนจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้คร่ำครวญโหยหวน ชาวบ้านบางคนเคยเห็นเงาลางๆ
เป็นร่างของหญิงชรากำลังนั่งอุ้มเด็กอยู่กลางสะพาน
แม้ชาวบ้านจะร่วมใจกันนิมนต์พระมาทำพิธีสวดส่งวิญญาณแล้ว
ก็ยังมีคนเห็นกันอยู่เรื่อยๆ นับเป็นวิญญาณที่เฮี้ยนเอาการ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความตายจากการฆ่าตัวตาย ก่อนอายุขัย เท่ากับเป็นบาปมหันต์
แม้ตายไปแล้วก็ไปไหนไม่ได้วิญญาณต้องติดอยู่ ณ สถานที่นั้นตราบนานเท่านาน
ใช่ว่า
"ความตาย"
จะทำให้หลุดพ้นได้ เพราะ
เคราะห์กรรมอันเป็นทุกข์ของคนเรานั้น
เกิดจากกรรมในอดีตทั้งสิ้น
เมื่อมีโอกาสได้มาเกิดก็จงอดทนชดใช้กรรมเก่านั้นให้เบาบาง และทำความดีทดแทน
จนเมื่อถึงอายุขัยที่จะจากโลกนี้ไปจริงๆ เราจะได้ "เสวยบุญ"
ที่เราเพียรสะสมมาในโลกหน้าซึ่งเป็น "บ้านเก่า"
ของเราโดยแท้จริง
ข้อมูลจาก
http://www.yingthai-mag.com/