วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตลาดน้ำพระยากง บอกตำนาน พระยาพาลและยายหอม นครปฐม

พระยากง พระยาพาลและยายหอม



ครปฐม เมืองที่ในอดีตนับพันปี มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นแหล่งที่มีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก ดินแดนแห่งนี้มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "พระยากง พระยาพาลและยายหอม" ที่เป็นโศกนาฏกรรมนำมาซึ่งความตายและเคราะห์กรรมอันใหญ่หลวง


ตำนานพระยากง พระยาพาล มีหลายตำนานที่เล่าขานกันมา โดยกล่าวถึงการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์แต่แรกเริ่มคือ เจ้าผู้ครองเมืองศรีวิชัย หรือเมืองนครชัยศรีชื่อ ท้าวภาลีธิราช มีบุตรชายชื่อว่า "พระยากง" มเหสีของพระยากงมีพระโอรสองค์หนึ่ง แต่โหรทำนายว่ากุมารองค์นี้มีบุญญาธิการมากก็จริง แต่นานไปจะทำปิตุฆาตพระบิดา เมื่อพระยากงทราบความก็เกิดความกลัว จึงมีรับสั่งให้นำกุมารไปฆ่าทิ้ง แต่พระมเหสีทำไม่ลงจึงนำกุมารไปฝาก "ยายหอม" หญิงชราที่มีอาชีพเลี้ยงเป็ด ซึ่งก็ได้เลี้ยงกุมารจนโตเป็นหนุ่ม


วันหนึ่งพระกุมารได้มาลายายหอมเพื่อเดินทางไปเมืองสุโขทัย ขณะเดินทาง ได้พบช้างพระเจ้าแผ่นดินสุโขทัยกำลังตกมัน อาละวาดไล่ทำร้ายคน ไม่มีใครสามารถกำราบช้างนั้นได้ แต่พระกุมารสามารถจับช้างได้อย่างกล้าหาญ ซึ่งเมื่อพระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงทราบ ก็ได้เมตตาชุบเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม และต่อมาได้ส่งไปปกครองบ้านเมือง พระกุมารได้ไปตั้งบ้านเจ็ดเสมียน และได้คิดการใหญ่ โดยซ่องสุมกำลังคนประมาณ 40,000 คน มาที่บ้านยายหอมจากนั้นได้ส่งหนังสือไปถึงพระยากง ท้าให้ออกมากระทำยุทธหัตถีกัน และพระกุมารได้สังหารพระยากงในที่สุด

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พระยากง พระยาพาลและยายหอม

ครปฐม เมืองที่ในอดีตนับพันปี มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นแหล่งที่มีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก ดินแดนแห่งนี้มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "พระยากง พระยาพาลและยายหอม" ที่เป็นโศกนาฏกรรมนำมาซึ่งความตายและเคราะห์กรรมอันใหญ่หลวง


ตำนานพระยากง พระยาพาล มีหลายตำนานที่เล่าขานกันมา โดยกล่าวถึงการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์แต่แรกเริ่มคือ เจ้าผู้ครองเมืองศรีวิชัย หรือเมืองนครชัยศรีชื่อ ท้าวภาลีธิราช มีบุตรชายชื่อว่า "พระยากง" มเหสีของพระยากงมีพระโอรสองค์หนึ่ง แต่โหรทำนายว่ากุมารองค์นี้มีบุญญาธิการมากก็จริง แต่นานไปจะทำปิตุฆาตพระบิดา เมื่อพระยากงทราบความก็เกิดความกลัว จึงมีรับสั่งให้นำกุมารไปฆ่าทิ้ง แต่พระมเหสีทำไม่ลงจึงนำกุมารไปฝาก "ยายหอม" หญิงชราที่มีอาชีพเลี้ยงเป็ด ซึ่งก็ได้เลี้ยงกุมารจนโตเป็นหนุ่ม


วันหนึ่งพระกุมารได้มาลายายหอมเพื่อเดินทางไปเมืองสุโขทัย ขณะเดินทาง ได้พบช้างพระเจ้าแผ่นดินสุโขทัยกำลังตกมัน อาละวาดไล่ทำร้ายคน ไม่มีใครสามารถกำราบช้างนั้นได้ แต่พระกุมารสามารถจับช้างได้อย่างกล้าหาญ ซึ่งเมื่อพระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงทราบ ก็ได้เมตตาชุบเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม และต่อมาได้ส่งไปปกครองบ้านเมือง พระกุมารได้ไปตั้งบ้านเจ็ดเสมียน และได้คิดการใหญ่ โดยซ่องสุมกำลังคนประมาณ 40,000 คน มาที่บ้านยายหอมจากนั้นได้ส่งหนังสือไปถึงพระยากง ท้าให้ออกมากระทำยุทธหัตถีกัน และพระกุมารได้สังหารพระยากงในที่สุด


แต่ในบางตำนานได้กล่าวว่า พระกุมารไปเป็นบุตรบุญธรรมของพระยาราชบุรี ซึ่งทุกปีจะต้องนำดอกไม้เงินดอกไม้ทองมาถวายแด่พระยากง ซึ่งครองเมืองกาญจนบุรี แต่พระกุมารเห็นว่า เมืองราชบุรีควรเป็นอิสระจึงหยุดส่งเครื่องบรรณาการ พระยากงเห็นว่า พระยาราชบุรีเป็นกบฏจึงยกทัพลงมาตีเมืองราชบุรี พระยาราชบุรีจึงแต่งตั้งให้พระกุมารเป็นแม่ทัพออกรบกระทำยุทธหัตถีกัน พระยากงถูกพระกุมารฟันด้วยของ้าวจนเสียชีวิต

จากนั้นพระกุมารก็ได้ยกพลบุกเข้าเมืองกาญจนบุรี และคิดจับมเหสีของพระยากงมาเป็นของตน โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางคือ พระมารดา ขณะที่กำลังจะบุกขึ้นไปยังปราสาทของพระมารดา เทพยดาก็ได้เนรมิตเป็นแพะแม่ลูกอ่อนมานอนขวางทางขึ้นบันได เมื่อพระกุมารกำลังเดินขึ้นบันได กำลังจะข้ามแพะมีลูก 2 ตัวนั้น แพะก็ได้พูดกับลูกของมันเป็นความนัยว่า "เราเป็นสัตว์เดรัจฉาน ท่านจึงข้ามเราไป นับประสาอะไรกับเรา แม้มารดาของท่านท่านยังจะเอาเป็นเมีย"

เมื่อพระกุมารได้ฟังก็รู้สึกเอะใจทันที พอได้พบพระมารดาจึงอธิษฐานว่า "หากหญิงคนนี้เป็นมารดาของตนขอให้น้ำนมไหลออกจากถันทั้งคู่" เมื่อสิ้นคำอธิษฐานปรากฏว่ามีน้ำนมไหลออกมาจริง พระกุมารจึงถามความจริงของพระมารดา พอรู้ว่าผู้ที่ตนสังหารเป็นพระบิดาก็เสียใจมาก และได้โยนความผิดทั้งหมดให้ยายหอม พร้อมทั้งจับยายหอมฆ่า โดยนำศพไปให้แร้งกาจิกกิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนพากันเรียกพระกุมารว่า "พระยาพาล" เพราะเมื่อฆ่าบิดาแล้วยังพาลหาเรื่องฆ่ายายหอมอีกซึ่งเป็นบาปมหันต์ ต่อมาได้มีการประชุมเพื่อลงมติว่าจะต้องทำกุศลสิ่งใด เพื่อให้บาปนั้นเบาบางลง แล้วก็มีมติออกมาว่าจะต้องสร้างพระเจดีย์ใหญ่สูงชั่วนกเขาเหิน กรรมจึงเบาบางลง

จากตำนานนี้ทำให้ได้ทราบที่มาของการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ และในส่วนของตำนานการสร้างศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนา ก็ยังมีหลักฐานปรากฏอยู่ที่วัดดอนยายหอม จ.นครปฐมโดยอดีตเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม นามว่า "หลวงพ่อเงิน" ท่านเคยขุดพบอิฐที่หักพังอย่างมากมายในชั้นดิน และพบศิลาเหลี่ยมสีเขียว 2 ต้น มีลายจำหลักที่ปลายเสากับกวางหมอบทำด้วยศิลา 1 ตัว คล้ายกับเสาประตูสาญจีเจดีย์ของพระเจ้าอโศกมหาราช "วัดดอนยายหอม" นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีหลักฐานว่าเดิมเคยเป็นวัดเก่า ตั้งแต่สมัยทวารวดีมีอายุกว่าพันปี วัดดอนยายหอมมีความเกี่ยวพันกับ "ยายหอม" อย่างไร ไม่มีหลักฐานแน่ชัด เพียงแต่ที่วัดนี้มีศาลยายหอม และมีเสียงร่ำลือกันมานานว่า เคยมีชาวบ้าน และคนในวัดได้สัมผัสกับวิญญาณยายหอมมาแล้ว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่วัดดอนยายหอม เคยเห็นหญิงชราแปลกหน้าเดินขึ้นไปบนศาลยายหอมอยู่บ่อยๆ พอตามไปดูก็ไม่พบใคร ทำให้เขาแน่ใจว่า ที่เห็นนั้นต้องเป็นวิญญาณของยายหอมอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องราวประหลาดที่ทำให้ชาวนครปฐมเชื่อว่า วิญญาณยายหอมยังไม่ไปไหน


และที่นครปฐมก็ยังมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับวิญญาณยายหลานคู่หนึ่ง ที่ประสบเคราะห์กรรมก่อนตายอย่างน่าสงสาร เรื่องนี้เกิดขึ้นภายในพระราชวังสนามจันทร์ พระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450 ส่วนเรื่องการปรากฏของวิญญาณนั้นเกิดขึ้นในราว 40 กว่าปีก่อน บน "สะพานจักรียาตรา" ซึ่งเป็นสะพานเก่าแก่สร้างในปี พ.ศ. 2501 ที่นี่มีเรื่องเล่าถึงวิญญาณยายกับหลานซึ่งน่าสงสาร 2 ดวง ในสมัยยังมีชีวิตอยู่นั้นยากจนมาก อยู่อย่างลำบาก อดมื้อกินมื้อใช้ชีวิตเพียงลำพัง 2 คน ภายหลังเมื่อทนภาวะรันทดไม่ไหว ยายจึงตัดสินใจฆ่าหลานโดยจับบีบคอจนตาย จากนั้นยายก็ฆ่าตัวตายตาม โดยแขวนคอตายบนราวสะพานจักรียาตรา ซึ่งเป็นภาพที่น่าอดสู ชวนสยดสยอง

หลังจากนั้นไม่นานในเวลากลางคืนก็มักจะมีคนพบเห็นเรื่องราวประหลาด เช่นบางคนจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้คร่ำครวญโหยหวน ชาวบ้านบางคนเคยเห็นเงาลางๆ เป็นร่างของหญิงชรากำลังนั่งอุ้มเด็กอยู่กลางสะพาน แม้ชาวบ้านจะร่วมใจกันนิมนต์พระมาทำพิธีสวดส่งวิญญาณแล้ว ก็ยังมีคนเห็นกันอยู่เรื่อยๆ นับเป็นวิญญาณที่เฮี้ยนเอาการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความตายจากการฆ่าตัวตาย ก่อนอายุขัย เท่ากับเป็นบาปมหันต์ แม้ตายไปแล้วก็ไปไหนไม่ได้วิญญาณต้องติดอยู่ ณ สถานที่นั้นตราบนานเท่านาน


ใช่ว่า "ความตาย" จะทำให้หลุดพ้นได้ เพราะเคราะห์กรรมอันเป็นทุกข์ของคนเรานั้น เกิดจากกรรมในอดีตทั้งสิ้น เมื่อมีโอกาสได้มาเกิดก็จงอดทนชดใช้กรรมเก่านั้นให้เบาบาง และทำความดีทดแทน จนเมื่อถึงอายุขัยที่จะจากโลกนี้ไปจริงๆ เราจะได้ "เสวยบุญ" ที่เราเพียรสะสมมาในโลกหน้าซึ่งเป็น "บ้านเก่า" ของเราโดยแท้จริง


ข้อมูลจาก http://www.yingthai-mag.com/

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตลาดน้ำพระยากง นครปฐม

พระยากง พระยาพาลและยายหอม



ครปฐม เมืองที่ในอดีตนับพันปี มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นแหล่งที่มีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก ดินแดนแห่งนี้มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "พระยากง พระยาพาลและยายหอม" ที่เป็นโศกนาฏกรรมนำมาซึ่งความตายและเคราะห์กรรมอันใหญ่หลวง


ตำนานพระยากง พระยาพาล มีหลายตำนานที่เล่าขานกันมา โดยกล่าวถึงการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์แต่แรกเริ่มคือ เจ้าผู้ครองเมืองศรีวิชัย หรือเมืองนครชัยศรีชื่อ ท้าวภาลีธิราช มีบุตรชายชื่อว่า "พระยากง" มเหสีของพระยากงมีพระโอรสองค์หนึ่ง แต่โหรทำนายว่ากุมารองค์นี้มีบุญญาธิการมากก็จริง แต่นานไปจะทำปิตุฆาตพระบิดา เมื่อพระยากงทราบความก็เกิดความกลัว จึงมีรับสั่งให้นำกุมารไปฆ่าทิ้ง แต่พระมเหสีทำไม่ลงจึงนำกุมารไปฝาก "ยายหอม" หญิงชราที่มีอาชีพเลี้ยงเป็ด ซึ่งก็ได้เลี้ยงกุมารจนโตเป็นหนุ่ม


วันหนึ่งพระกุมารได้มาลายายหอมเพื่อเดินทางไปเมืองสุโขทัย ขณะเดินทาง ได้พบช้างพระเจ้าแผ่นดินสุโขทัยกำลังตกมัน อาละวาดไล่ทำร้ายคน ไม่มีใครสามารถกำราบช้างนั้นได้ แต่พระกุมารสามารถจับช้างได้อย่างกล้าหาญ ซึ่งเมื่อพระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงทราบ ก็ได้เมตตาชุบเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม และต่อมาได้ส่งไปปกครองบ้านเมือง พระกุมารได้ไปตั้งบ้านเจ็ดเสมียน และได้คิดการใหญ่ โดยซ่องสุมกำลังคนประมาณ 40,000 คน มาที่บ้านยายหอมจากนั้นได้ส่งหนังสือไปถึงพระยากง ท้าให้ออกมากระทำยุทธหัตถีกัน และพระกุมารได้สังหารพระยากงในที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นัสต้า วิล ที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า บ้านหลังแรก

              




         บ้านหลังแรก  มากก่วาคำว่าบ้าน 

 รอชมในคำว่า บ้านหลังแรก

 D-HOUSE ทีมบริหารมืออาชีพ


Dr.Samai Hemman



















     What is the meaning of "home"  ?  

        บ้านหมายถึงตัววัตถุ อสังหาริมทรัพย์อันตั้งอยู่บนพื้นดิน  ที่ทุกคนไฝ่ฝันหาที่จะได้มันมาอย่างน้อย ก็สักหนึ่งครั้งในชีวิตหนึ่ง   อาจมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งตามแต่รสนิยมของแต่ละคน  หรือ ....บ้านคือพื้นที่ของการใช้ชีวิตร่วมกันของสิ่งอันเกี่ยวข้อง  อาจจะเป็น พ่อ แม่  ลูก  หลาน  สมมี ภรรยา  สัตว์เลี้ยง  ต้นไม้  นก แมลง  กบเขียด  แสงแดด  สายลม  ฯลฯ
บ้านมันมีชีวิตของมันเอง  อันขึ้นอยู่กับชีวิตทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกันอยู่ในบ้านหลังนั้น   บ้านที่ไม่มีคนอยู่เลยเราเรียกกันว่า "บ้านร้าง"  ซึ่งนั่นคือบ้านที่ดูเหมือนบ้านที่ไม่มีชีวิตชีวา   
      พื้นที่ชีวิตสำหรับบ้านแต่ละหลัง  ก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนั้นๆ    บ้างคนใช้บ้านเพียงแค่เอาไว้นอน  เช้าก็ออกจากบ้านไป   กลับเข้าบ้านมาก็มืดค่ำทุกวัน    กลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำนอน  เช้าก็แต่งตัวไปทำงานอีก   พอตกค่ำก็กลับมานอน  อย่างเดียว  พื้นที่ชีวิตของคนชนิดนี้ก็คงน้อยกว่าคนที่ชอบทำกับข้าวกินที่บ้าน   หรือคนที่ชอบกลับบ้านมาปลูกต้นไม้ตอนเย็นๆหรือตอนวันหยุด      คนที่มักจะพาสุนัขออกไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านทุกเช้าทุกเย็น   หรือคนที่เล่นกับลูกหลานที่สวนหลังบ้านทุกวัน    
      บ้านสำหรับความเห็นส่วนตัว(เฉพาะ)ของผมจึงมีความหมายถึงที่ที่เรามีพึ้รที่ชีวิตส่วนตัวตามบุคคลิกความชอบของแต่ละคน   แต่ละครอบครัว    โดยอาศัยแค่ตัวบ้านและองค์ประกอบต่างๆของบ้านเป็นเพียงแค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือ EXCUTIONให้เราได้เกาะเกี่ยวไปเท่านั้น     ไม่ใช่สาระสำคัญที่สุดของชีวิตและความสัมพันธ์ของคนในบ้าน    เพราะแม้เฟอร์นิเจอร์จะถูกขนออกไป    ผ้าปูที่นอนจะเก่าจนขาด    ครัวจะเลอะเทอะลงไปบ้าง   แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับชีวิตที่อาศัยอยู่ยังมีความสุข  ความสัมพันธ์ยังงดงาม
ทุกชีวิตในบ้านเข้าใจกัน   และร่วมรับรู้หนาวร้อนทุกข์สุขของกันและกัน
       สำหรับผม...บ้านที่งดงามไม่จำเป็นต้องราคา สามสิบล้าน  ต้องเป็นคฤหาสน์หรูสิบห้องนอน หกห้องน้ำ  บนเน้ือที่ห้าไร่    แต่บ้านที่งดงามคือบ้านที่เจ้าของได้ใช้พื้นที่ชีวิตในบ้านได้เต็มศักยภาพของมัน    คือที่เดียวที่ปลอดภัยที่สุดในโลกใบนี้ยามเมื่อภัยมาและหัวใจกำลังอาจเต็มไปด้วยความทุกข์     คือที่ที่เราจะนึกถึงเป็นที่แรกไม่ว่าเรากำลังมีความสุขที่สุดหรือกำลังทุกข์แทบหัวใจแหลกสลาย   คือเบาะที่จะรองรับเราได้เสมอไม่ว่าเราจะต้องถูกมนุาย์คนไหนในโลกใบนี้ถีบเราตกลงมาจากที่สูงไม่ว่ามากน้อยแค่ไหน    และคือที่หลบภัยกลับมาเลียแผลเมื่อออกไปโดนสัตว์ร้ายชบกัดมาจากโลกภายนอก
       ถ้าเราสามารถทำให้บ้านของเราทำหน้าที่ของมันได้เต็มกำลัง   ไม่ว่าบ้านหลังนั้น  จะเล็กเท่ารูหนู   หรือจะใหญ่โตมโหฬารดังวัง บ้านก็จะมีความหมายเท่าเทียมกันโดยไม่ต้องเอาขนาดหรือวัตถุมาวัดค่าใดๆทั้งสิ้น   เราควรกลับมาเห็นค่าความสำคัญของคำว่าบ้านกันได้หรือยัง